เจาะด้วยน้ำโคลน
เจาะด้วยน้ำโคลน
หลักการ
การเจาะบ่อบาดาลด้วย “น้ำโคลน” (Drilling Mud) เป็นวิธีการเจาะที่ใช้ของเหลวผสมระหว่างดินเหนียว (เช่น เบนโทไนต์) กับน้ำ เพื่อให้เกิด โคลนเจาะ (Drilling Fluid) ซึ่งมีหน้าที่หลักคือ
พยุงและพาของแข็งออกจากหลุมเจาะ – เศษหิน เศษดิน จะถูกโคลนพาลอยขึ้นมาสู่ผิวดิน
ป้องกันผนังหลุมเจาะพังทลาย – น้ำโคลนเคลือบผนังหลุม ทำให้หลุมแข็งแรง ไม่ยุบตัว
ควบคุมแรงดันใต้ดิน – ช่วยดันน้ำใต้ดินและก๊าซไม่ให้ไหลเข้ามาในหลุมมากเกินไป
ช่วยหล่อลื่นหัวเจาะและก้านเจาะ – ลดแรงเสียดทาน และทำให้เจาะได้ต่อเนื่อง
การเตรียมงานและสำรวจพื้นที่
ตรวจสอบตำแหน่งเจาะจากการสำรวจธรณีวิทยา
เตรียมเครื่องจักรเจาะ (Rotary Drilling Rig) และอุปกรณ์ขุดเจาะ
การเตรียมโคลนเจาะ
นำดินเหนียว/เบนโทไนต์ มาผสมกับน้ำ
เติมสารเคมี (เช่น โซดาไฟ หรือโพลิเมอร์) เพื่อควบคุมความหนืดและความหนาแน่น
เก็บไว้ในบ่อผสม (Mud Pit) สำหรับหมุนเวียน
เริ่มเจาะชั้นดินตื้น
ใช้หัวเจาะหมุน (Drill Bit) กดลงดิน
ปั๊มโคลนเจาะเข้าสู่ก้านเจาะ ลงไปยังหัวเจาะ
โคลนเจาะจะพาเศษหินขึ้นมาตามช่องว่างด้านนอกก้านเจาะ
การเจาะต่อเนื่อง
ปรับสูตรโคลนตามสภาพชั้นดิน (เช่น ดินทรายต้องใช้โคลนหนืดมากขึ้นเพื่อป้องกันหลุมพัง)
เติมก้านเจาะเพิ่มตามความลึกของหลุม
การควบคุมและตรวจสอบ
ตรวจสอบความหนืด ความถ่วงจำเพาะของโคลนอย่างสม่ำเสมอ
เก็บตัวอย่างเศษหิน (Cuttings) ขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อดูชั้นหินและหาน้ำบาดาล
เมื่อเจาะถึงชั้นน้ำบาดาล
หยุดเจาะ และตรวจสอบระดับน้ำที่ขึ้นมาพร้อมโคลน
ทำการล้างหลุม (Well Development) โดยใช้ปั๊มลม/ปั๊มดูดน้ำเพื่อไล่โคลนออก
ติดตั้งท่อกรุ (Casing) และกรวดกรอง (Gravel Pack)
ใส่ท่อ PVC หรือเหล็กเพื่อป้องกันหลุมพัง
ใส่กรวดกรองรอบท่อ เพื่อป้องกันดินทรายไหลเข้ามา
ล้างบ่อและทดสอบน้ำ
สูบน้ำออกเพื่อให้หลุมสะอาด (ไล่โคลนที่เหลือ)
ทดสอบปริมาณน้ำ (Yield Test) และคุณภาพน้ำ
สนใจโทร.094-0546158
เจาะได้ลึกมาก (เกิน 100–200 เมตร)
ป้องกันหลุมพังได้ดี
ใช้ได้กับชั้นหินหลากหลาย
ถ้าโคลนเจาะไม่เหมาะสม อาจทำให้หลุมพังหรือเจาะช้า
ต้องควบคุมความหนืดโคลน ไม่ให้ข้นหรือใสเกินไป
ต้องล้างหลุมให้สะอาดหลังการเจาะ มิฉะนั้นน้ำบาดาลจะขุ่น
สนใจโทร.094-0546158